1 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลอาญา นัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ในคดี ความผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีให้สัมภาษณ์สื่อของเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน
โดยมีรายงานว่า เมื่อเวลา 09.18 น. นายทักษิณ เดินทางมาถึงที่ศาลอาญา ด้วยรถเบนซ์ ส่วนตัว ทะเบียน ทษ 267 แต่ไม่ได้มาปรากฎตัวต่อสื่อมวลชน
โดยรถของนายทักษิณเข้าทางประตูทางเข้าของศาลแพ่ง แล้วเลี้ยวไปส่ง นายทักษิณบริเวณทางเข้าด้านข้างของอาคารศาลอาญา ฝั่งธนาคารกรุงไทย เพื่อขึ้นไปห้องพิจารณาคดี ก่อนจะนำรถมาจอดที่ช่องทางจอดรถด้านข้างของศาลอาญา
ซึ่งการเดินเข้าไปภายในศาลวันนี้ เป็นการเข้าทางประตูข้าง คนละฝั่งกับ วันที่ 18 มิ.ย.2567 ที่อัยการสูงสุดส่งฟ้องคดี
และในวันนี้มี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมารอให้กำลังใจตั้งแต่ช่วงเช้า รวมถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เดินทางมาให้กำลังใจด้วย
ซึ่งตอนแรกนาย สมชาย จะรอรับ นายทักษิณ แต่เมื่อได้รับแจ้งจากทีมติดตาม นายทักษิณว่า เข้าไปภายในศาลแล้ว ก็เดินทางเข้าไปภายในศาลทันที
ขณะที่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังการพิจารณา ว่า
วันนี้ถือเป็นนัดแรกในจำนวน 3 นัด ที่ โจกท์จะต้องนำพยานหลักฐานขึ้นมาเบิกความ ตามขั้นตอนวันนี้โจกท์จะนำพยานที่นัดไว้ 3 ปาก จาก 10 ปาก ขึ้นเบิกความ แล้วทนายจำเลยก็จะมีการถามค้าน
ทั้งนี้ยังไม่ถึงเวลาที่นายทักษิณ จะขึ้นเบิกความ แต่วันนี้เป็นหน้าที่นายทักษิณจะต้องมา เพราะคดีนี้ท่านได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณา จึงต้องเดินทางมาปรากฎตัวต่อศาล และนายทักษิณประสงค์ที่จะเข้า ฟังการพิจารณาด้วยตนเองทุกนัด เว้นแต่จะติดธุระ
โดยคดีนี้ มีการนัดสืบพยานทั้งหมด 7 นัด แบ่งเป็นโจทก์ 3 นัด จำเลย 4 นัด ซึ่งนัดสุดท้ายวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ส่วนประเด็นเรื่องคลิปวิดีโอที่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติถือเป็นประเด็นหลักในการพิจารณา และภายใน 1-2 วันนี้จะมีการพิสูจน์ ให้เห็นว่าคลิปดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ด้วยการพิสูจน์ทางทางนิติวิทยาศาสตร์
ขณะที่ บรรยากาศโดยรอบศาลอาญา วันนี้ พบว่าช่วงสายๆ มีกลุ่มคนใส่เสื้อสีแดง เดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณภายในพื้นที่ของศาล และได้ออกไปชูป้ายชูรูปด้านนอกรั้วของศาล โดยพวกเขาตั้งใจมาให้กำลังใจเพราะนายทักษิณ เป็นนายกในดวงใจ
นอกจากนี้ยังเพียงกลุ่มที่เห็นต่างกับนายทักษิณ ใส่เสื้อ ‘เราจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว’ และมีสัญลักษณ์ธงชาติไทย มายืนรอเจอนายทักษิณ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และพวกหวังว่านายทักษิณ จะเห็นข้อความที่อยู่บนเสื้อ โดยเจ้าหน้าที่ของศาลดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด
ต่อมาเวลา 12.10 น. มีรายงานว่า นายทักษิณ ได้เดินทางกลับออกจากศาลอาญาแล้ว โดยรถเบนซ์ ส่วนตัว ทะเบียน ทษ 267 ได้วนไปรับที่ประตูด้านข้างศาลอาญา โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
โดยมีรายงานว่าพยานปากเเรกเป็นพนักงานสอบสวน ปอท.ซึ่งเป็นผู้กล่าวหา มาเบิกความ
ต่อมา นายวิญญัติ ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า ในวันนี้ตนไม่สามารถให้รายละเอียดของคดีได้ เนื่องจากศาลพิจารณาลับ และกำชับให้คู่ความห้ามเปิดเผยรายละเอียดภายในห้องพิจารณาคดี เนื่องจากจะผิดต่อข้อกำหนดเเละไม่ดีต่อรูปคดีด้วย อาจจะพูดได้เเค่ว่ามีพยานกี่ปากเท่านั้น เเน่จะเป็นใครก็บอกไม่ได้ ส่วนเรื่องการตรวจสอบเรื่องคลิปที่เกาหลีก็พูดไม่ได้เป็นการพิจารณาลับศาลสั่งห้ามไว้
ทักษิณไปทานข้าว เดี๋ยวกลับมาศาล
"ซึ่งนายทักษิณได้เดินทางไปรับประทานอาหารและจะกลับเข้ามาฟังการสืบพยานต่อในเวลา 13.30 น. และเจ้าตัวประสงค์ที่จะเข้าฟังการสืบพยานในทุกวัน และจากที่ตนสังเกตุดูนายทักษิณไม่มีความเครียดใด ๆ กับการสืบพยานในครั้งนี้" นายวิญญัติ เผย
เมื่อถามว่า นายทักษิณจะให้สัมภาษณ์กับสื่อหรือไม่
นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณคงยังไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อในวันนี้อย่างแน่นอน