svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

การเมือง ก.ค. “ร้อนกลางฝน” จับตา ศาล รธน. รับ-ไม่รับ คดีนายกฯอิ๊งค์

การเมือง ก.ค. “ร้อนกลางฝน” จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณา คดีนายกฯ อิ๊งค์ ปมคลิปเสียงคุยโทรศัพท์กับ "ฮุนเซน" พร้อมเปิด 4 แนวทางความเป็นไปได้

1 กรกฎาคม 2568 จุดบรรจบปลายทางทางการเมืองของ นายกฯแพทองธาร แทบทุกคนเชื่อว่าจะเป็นผลจาก “นิติสงคราม” หรือการตรวจสอบทางกฎหมายโดยองค์กรอิสระ แล้วหยิบนายกฯออกจากตำแหน่ง 

เหตุนี้เอง แม้แต่การยกระดับการชุมนุม จึงต้องรอประกาศวันที่ 1 ก.ค. คือวันนี้ เนื่องจากเป็นดีเดย์ของการชี้ชะตา “ขั้นที่ 1” ของนิติสงครามที่กระทำต่อนายกฯอุ๊งอิ๊ง 

"ที่ร้ายไปกว่านั้น เดือน ก.ค.มีนิติสงครามแน่นจริงๆ"

การเมือง ก.ค. “ร้อนกลางฝน” จับตา ศาล รธน.  รับ-ไม่รับ คดีนายกฯอิ๊งค์

เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม นี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุม และคาดว่าจะมีวาระพิจารณาว่าจะรับคำร้องถอดถอนนายกฯแพทองธาร ตามที่ สว.ยื่นคำร้องมา เอาไว้เพื่อวินิจฉัยหรือไม่ 

โดย สว. ล่าชื่อผ่าน ท่านมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา นำโดย พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงแห่งรัฐ วุฒิสภา และท่านมงคล ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และศาลได้รับคำร้อง “ทางธุรการ” เอาไว้แล้ว โดยในคำร้อง มีการขอให้พิจารณาสั่งนายกฯแพทองธาร “หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว” ด้วย 

แนวทางศาล รธน. รับ-ไม่รับ-ยื้อ คดีนายกฯอิ๊งค์

ความเป็นไปได้ของการประชุมศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ (1ก.ค.2568) มี 4 แนวทาง ด้วยกัน คือ 

  1. รับคำร้องไว้พิจารณา และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 
  2. รับคำร้องไว้พิจารณา แต่ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 
  3. ยังไม่รับคำร้อง อ้างเหตุผล ข้อมูลหลักฐานยังไม่ชัดเจน สั่งแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติม 
  4. ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่า ข้อกล่าวหาตามคำร้องยังไม่มีมูล หรือไม่เข้าข้อกฎหมาย 

 

การเมือง ก.ค. “ร้อนกลางฝน” จับตา ศาล รธน.  รับ-ไม่รับ คดีนายกฯอิ๊งค์

จากการตรวจสอบของ “ข่าวข้นคนข่าว” ให้น้ำหนักไปที่ แนวทางที่ 3 คือ น่าจะยังไม่รับคำร้อง แต่สั่งแสวงหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม เพราะ 

  •  คลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ยังไม่ชัดเจน มีหลายคลิป ความยาวไม่เท่ากัน 
  •  คลิปเสียงสนทนาในส่วนของสมเด็จฮุนเซน เป็นภาษาเขมร ต้องแปลถอดความจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และราชการรับรอง 

ฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ศาลจะสั่งแสวงหาหลักฐานเพิ่ม และนัดพิจารณาใหม่ ในคราวประชุมนัดถัดไป (เช่น วันที่ 8-9 กรกฎาคม) หรือให้เวลาฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปแสวงหาหลักฐาน เช่น 15 วัน 

แต่หลังจากครบเวลาแล้ว เชื่อว่าศาลจะรับคำร้องไว้พิจารณา เนื่องจากคำร้องนี้ส่งมาจาก “วุฒิสภา” ซึ่งถือเป็น “องค์กรตามรัฐธรรมนูญ” 

ความเป็นไปได้รองลงมา หรืออาจจะเท่าๆ กันกับแนวทาง “เลื่อนไปก่อน” คือ ศาลรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย แต่ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เหตุผลคือ 

  • มูลเหตุในคำร้องจบลงแล้ว คือ การเผยแพร่คลิปเสียงสนทนา มีการเผยแพร่แล้ว และไม่มีเผยแพร่ซ้ำ หรือเวอร์ชั่น 2 
  • การปฏิบัติหน้าที่ต่อมาของนายกฯแพทองธาร หลังจากมีประเด็นคลิปเสียง ก็ยังคงทำหน้าที่ได้ตามปกติ จึงไม่มีผลกระทบใดๆ ในทางกฎหมาย 
  • เทียบเคียงกรณี อดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน แม้ศาลรับวินิจฉัย แต่ก็ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะกรณีการตั้ง คุณพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี เป็นการกระทำที่จบไปแล้ว และเป็นมูลเหตุที่ต้องวินิจฉัยเฉพาะการกระทำนั้น เช่นเดียวกับกรณีของนายกฯแพทองธาร 
  • กรณีของนายกฯอุ๊งอิ๊ง แตกต่างจากกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากกรณีของ “ลุงตู่” เป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า ดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปีแล้วหรือยัง การอยู่ในตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จึงอาจมีปัญหาทางกฎหมายได้ ศาลจึงสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เอาไว้ก่อน 


ควบ วธ. ช่วยต่ออายุ “นายกฯอิ๊งค์” ได้จริงหรือ? 

จากการตรวจสอบความเห็นของ “ทีมกฎหมายรัฐบาล” ก็ประเมินคล้ายๆ “ข่าวข้นคนข่าว” คือ ประเมินว่าวันนี้ ศาลอาจยังไม่มีคำสั่งใดๆ หรือหากมีคำสั่ง ก็น่าจะไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 

แต่รัฐบาลก็เตรียมทางหนีทีไล่ ให้นายกฯควบตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม เอาไว้ หากถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จริง ก็จะยังทำงานในคณะรัฐมนตรีต่อไปได้ เพียงแต่ไม่ได้ทำหน้าที่นายกฯ 

ทว่าเรื่องนี้ ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลก็เตรียมดักทางเอาไว้เหมือนกัน ด้วยการยื่นคำร้องเพิ่มไปยังศาล (หากศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วนายกฯยังทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม ต่อ) เพื่อให้วินิจฉัยชี้ขาดว่า นายกฯแพทองธาร นั่งรัฐมนตรีตำแหน่งอื่น ทำงานต่อไปพลางได้หรือไม่ เนื่องจาก 

  • กรณีของนายกฯแพทองธาร เทียบเคียงกับ “อดีตนายกฯลุงตู่” ไม่ได้ เพราะคำร้องของอดีตนายกฯลุงตู่ เป็นเรื่องคุณสมบัติการเป็นนายกฯ “โดยเฉพาะ” ว่าครบ 8 ปีแล้วหรือยัง เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 158 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่

ส่วนคำร้องของนายกฯแพทองธาร เป็นเรื่อง “คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี” ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่ประพฤติตนฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5) ประกอบมาตรา 170 (4)

"ฉะนั้นกรณีของนายกฯแพทองธาร หากศาลรับคำร้องไว้พิจารณา และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ น่าจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทุกตำแหน่ง ไม่ใช่เฉพาะนายกฯ"

การเมือง ก.ค. “ร้อนกลางฝน” จับตา ศาล รธน.  รับ-ไม่รับ คดีนายกฯอิ๊งค์