svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Business

สำนักงบฯ เผยได้นายกฯในเดือน ก.ค. งบเบิกจ่ายได้ มี.ค. ปี 67 ช้ากว่ากำหนด 6 เดือน

สำนักงบฯ ชี้ได้นายกฯ - ครม.ใหม่ในเดือน ก.ค. ไม่จำเป็นต้องเลื่อนปฏิทินงบประมาณปี 67 คาดบังคับใช้ได้ มี.ค. ปี 67 แต่หากยังไม่ได้ในเดือนนี้ งบฯ67 จะล่าช้าออกไป ต้องรื้อปฎิทินงบฯทำใหม่ เผยงบกลางฯเหลือ1 หมื่นล้านบาทเพียงพอเหตุฉุกเฉิน

นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ว่าขณะนี้สำนักงบประมาณยังไม่ได้เปลี่ยนปฏิทิน งบประมาณจากเดิมที่คาดว่า ขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีของสภาผู้แทนราษฎรจะเสร็จในเดือน ก.ค.2566 โดยจะมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้ามาบริหารช่วงเดือน ส.ค.2566 ซึ่งสำนักงบประมาณจะเริ่มขั้นตอนการจัดทำงบประมาณปี 2567 ได้ภายในเดือน ส.ค.โดยเริ่มจากการเสนอปฏิทินงบประมาณให้ ครม.พิจารณาในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ส.ค.2566

รวมทั้งหลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการประชุมร่วมกันระหว่าง 4 หน่วยงานได้แก่ 1.สำนักงบประมาณ 2.กระทรวงการคลัง 3.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ 4.สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณปี 67 ใหม่ จากนั้นจะให้หน่วยงานเสนอคำของบประมาณ มายังสำนักงบฯ เพื่อคัดกรองและเสนอเข้าสู่ ครม.ตามลำดับ 

นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณปี 2567 จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวาระที่ 1 ได้ในเดือน ธ.ค.2566 และมีผลบังคับใช้ภายในเดือน มี.ค. 67 หรือล่าช้าไปกว่าปฏิทินงบประมาณปกติประมาณ 6 เดือน ซึ่งในช่วงเวลานี้หน่วยงานราชการสามารถใช้งบฯไปพลางก่อนได้ตามหลักเกณฑ์ที่ ครม.เห็นชอบไว้

สำหรับการจัดทำงบประมาณแบบฐานศูนย์ (Zero based budgeting) ซึ่งเป็นนโยบายที่ 8 พรรคร่วมได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ว่าเป็นนโยบายที่จะมีการเดินหน้าเมื่อเป็นรัฐบาล ผ.อ.สำนักงบประมาณกล่าวว่าหน่วยงานต่างๆที่มีการรับงบประมาณได้มีการทบทวนการใช้งบประมาณในลักษณะเดียวกับการจัดทำ zero based budgeting อยู่แล้วในส่วนของงบลงทุน โดยไม่ใช่ลักษณะของการทำงบประมาณที่ของบเพิ่มขึ้นได้ทุกปีโดยไม่มีการทบทวนความจำเป็นของโครงการที่ของบประมาณ

ซึ่งในส่วนการทบทวนการทำงบประมาณ ของหน่วยงานราชการ ก็ต้องดูถึงความจำเป็นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งบประมาณควบคู่กันไปด้วย ซึ่งในช่วงการจัดทำงบประมาณปี 67 และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ที่ต้องทำควบคู่กันก็จะมีการพิจารณาในเงื่อนไขการจัดทำงบประมาณในรูปแบบนี้ ให้สอดคล้องกับระยะเวลในการจัดทำงบประมาณ และนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาด้วย

สำหรับงบกลางรายการฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนพ.ศ. 66 ปัจจุบันเหลือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนนี้ยังถือว่าเพียงพอที่จะไว้รองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เร่งด่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่หากเกิดเหตุการณ์อุทกภัย หรือภัยพิบัติขึ้น แล้วต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการดูแล ในส่วนนี้แต่ละจังหวัด สามารถใช้เงินทดลองราชการ เพื่อจ่ายช่วยเหลือประชาชนไปก่อนได้ ส่วนการจ่ายเยียวยาความเสียหายที่เป็นการชดเชยน้ำท่วมหรือภัยพิบัติต่างๆต้องรอให้รัฐบาลต่อไปเข้ามาอนุมัติงบประมาณหลังจากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประเมินความเสียหายเสร็จแล้ว